เด็กใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด และการยึดติดเป็นแฟชั่น
ผลเสียจึงมีมากกว่าผลดี เมื่อเทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสังคม
ผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเองให้เท่าทันกับเทคโนโลยี
ดูผิวเผินอาจจะมองว่าการมีเทคโนโลยีใช้อาจเป็นเรื่องที่ดี แต่ในมุมสะท้อนกลับ
ผลของการมีเทคโนโลยีก็สร้างผลเสียให้แก่สังคมได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
จากข่าวฮือฮากันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
หลังมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตออกมาโพสต์ข้อมูลถึงพฤติกรรมของเด็กสาววัยรุ่นตอนต้น
ได้เสนอตัวกับเจ้าของร้านโทรศัพท์เพื่อแลกกับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด โดยเจ้าตัวไม่ได้นึกถึงสถานภาพของตัวเองที่ยังคงเป็นผู้เยาว์
อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ปกครอง
และคาดว่าเจ้าตัวคงไม่ได้นึกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
ด้วยพฤติกรรมฉาวของเด็กสาวรายนี้ ยังเป็นตัวสะท้อนถึงทัศนคติ
ความคิดของวัยรุ่นหญิงในสังคมไทยปัจจุบัน ที่เริ่มออกนอกกรอบมากขึ้น
ไม่รักนวลสงวนตัวเหมือนคนรุ่นก่อน ๆ กล่าวคือ เด็กสาวสมัยนี้นิยมรักสนุกท้าทาย
เริ่มลองผิดลองถูกตามเพื่อนฝูงมากขึ้น
บางครั้งก็ยอมเสียตัวตั้งแต่วัยรุ่นกับเพื่อต่างเพศที่ตัวเองคิดว่ารักจริง
ในขณะที่มองข้ามถึงสถานะของตัวเองที่ยังเป็นเพียงแค่เยาวชน ส่วนการใช้เทคโนโลยี
การติดสินค้าแบรนด์เนมสำหรับเด็กสาววัยรุ่น
ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่อยากได้อยากมีกับสิ่งของสวย ๆ งาม ๆ
แต่ผลลัพธ์การใช้เทคโนโลยีในยุคนี้ ทำให้เด็กมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น
แสดงอารมณ์ออกได้ง่าย บางครั้งยังทำให้เด็กมีความก้าวร้าวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
และเด็กยังมีความเข้าใจว่า การใช้ การเล่นอินเทอร์เน็ตสามารถทำอะไรก็ได้
ไม่กลัวการถูกเผยแพร่แชร์ต่อ อย่างชัดเจนที่สุดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เด็กวัยรุ่นน้อยคนนักที่ใส่ใจในเรื่องนี้
ประกอบกับสถาบันครอบครัว คนในสังคมอาจจะกล่าวโทษพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกของตัวเองไม่ดี
อย่างในกรณีของเด็กสาวรายนี้ ในโลกไซเบอร์ต่างว่ากล่าวถึงพ่อแม่
หรือครอบครัวของเด็กในทางที่เสียหาย แต่ไม่ได้มองถึงปัจจัยภายนอก
ไม่ว่าจะเป็นสังคมนอกบ้านของเด็ก หรือ
พฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนที่เด็กสาวรายนี้ได้แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง
ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สินค้ามาครอบครอง
โดยไม่สนใจว่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมหรือไม่
ในเรื่องนี้คงไม่ใช่การถกเถียงถึงปัญหาวัยรุ่น หรือปัญหาครอบครัวอีกต่อไป
แต่ยังต้องพูดถึงปัญหาการใช้เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตคนในสังคมมากเกินไป
การปลูกฝังถึงการใช้สินค้าที่ฟุ่มเฟือย ความจำเป็นของการใช้งาน
ต้องมีการละลายพฤติกรรมการติดแฟชั่น การตามเทรนด์ความนิยม
ซึ่งหลายคนยังมองว่าถ้าล้าหลังยังเป็นเรื่องผิด เพราะทุก ๆ
ปีสินค้าไอทีเหล่านี้มีการพัฒนาให้แตกต่างและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
ภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่ต้องหาแรงจูงใจผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ
โดยไม่ได้สนใจผลลัพธ์หรือประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างยั่งยืน ดั้งนี้แล้ว
จึงไม่น่าแปลกใจที่เด็กสาวรายนี้ยอมลงทุนแลกตัวกับคนแปลกหน้า
เพียงเพราะอยากให้ตัวเองเป็นคนที่ทันสมัย อินเทรนด์ และสังคมรอบข้างยอมรับ
ในวิธีการแบบผิด ๆ
โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองถูกล้างสมองไปเรียบร้อยแล้วจากผู้คิดค้นนวัตกรรมที่ไม่ได้ใส่ใจถึงเงินในกระเป๋าของผู้บริโภค
นอกจากผลประกอบการและกำไรของตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น